
ภาวะปัสสาวะเล็ด เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย อย่างบางคนมีอาการไอ จาม แรง ๆ หน่อยปัสสาวะก็เล็ดแล้ว ทำให้กังวลใจเวลาอยู่นอกบ้าน บางรายถึงขั้นจิตตก เป็นกังวลจนไม่อยากเข้าสังคม เพราะปัสสาวะเล็ดเป็นอุปสรรคปัญหาหนึ่งของชีวิต สำหรับใครที่ต้องเผชิญกับปัญหาปัสสาวะเล็ด มีปัสสาวะซึมเป็นปัญหากวนใจ คงมีความรู้สึกเครียดกับอาการนี้กันพอสมควร และแน่นอนค่ะว่า อาการปัสสาวะเล็ดเป็นอุปสรรคในชีวิตที่ถึงกับทำให้บางคนไม่กล้าออกนอกบ้านกันเลยทีเดียว งั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักภาวะปัสสาวะเล็ดกันก่อน แล้วหากพบว่าเป็นคนกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ จะรักษายังไงได้บ้าง มาเริ่มกันเลยค่ะ
กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะเล็ด คืออะไร
ภาวะปัสสาวะเล็ด ก็คือ การที่มีปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยไร้ซึ่งการควบคุม (อั้นไม่อยู่) โดยเฉพาะในขณะทำกิจกรรมที่ต้องออกแรง เช่น ไอ จาม การยกของหนัก หัวเราะดัง ๆ หรือออกกำลังกาย ก็อาจมีปัสสาวะเล็ดออกมาได้ ทั้งนี้พบว่า ประชากรเพศหญิงประมาณ 10-20% จะประสบปัญหาปัสสาวะเล็ด ขณะที่ก็มีข้อมูลว่าพบภาวะปัสสาวะเล็ดในผู้ชายด้วยเช่นกัน แต่อยู่ในอัตราที่น้อยกว่าเพศหญิงประมาณ 3 เท่า
ปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดขึ้นได้กับทุกคน
เราอาจจะเคยคิดว่าปัญหาหูรูดเสื่อมสภาพ ทำให้กลั้นปัสสาวะไม่ค่อยอยู่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาการปัสสาวะเล็ดเกิดได้กับทุกเพศทุกวัยค่ะ ตั้งแต่ในเด็กเล็ก ๆ วัยรุ่น วัยทำงาน ไปจนถึงวัยกลางคน และผู้สูงอายุ (พบบ่อยในเพศหญิง) กันเลย
ปัสสาวะเล็ด เกิดขึ้นได้อย่างไร
บางคนแปลกใจว่าเราอายุยังน้อย ทำไมมีปัญหาปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ซึ่งต้องอธิบายก่อนค่ะว่า สาเหตุของการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งความผิดปกติของระบบควบคุมประสาทในร่างกาย โรคที่เป็นอยู่ หรือแม้แต่พฤติกรรมของเราเอง ซึ่งสามารถจำแนกได้ดังนี้
- ความบกพร่องของระบบประสาท
ในทางการแพทย์จะเรียกภาวะนี้ว่า ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน ซึ่งเกิดจากกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะบีบตัวบ่อยและเร็วกว่าปกติ โดยที่ยังมีปริมาณปัสสาวะไม่มากพอที่จะทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะ
- กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหย่อน
ภาวะกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหย่อนก็เกิดได้จากหลายสาเหตุเช่นกัน เช่น อายุที่มากขึ้น ความอ้วน ภาวะไอเรื้อรัง จนทำให้อุ้งเชิงกรานมีความผิดปกติ ขาดตัวช่วยพยุงท่อปัสสาวะจนทำให้ปัสสาวะเล็ดรั่วออกมา
- การผ่าตัด
ในคนที่ผ่าตัดมดลูก หรือเพิ่งคลอดบุตร อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่อาจมีการเสื่อมของหูรูดและการหย่อนยานของผนังช่องคลอด รวมทั้งบริเวณคอกระเพาะปัสสาวะ ทำให้บริเวณคอกระเพาะปัสสาวะปิดไม่สนิท เกิดอาการปัสสาวะรั่วออกมาได้
- ภาวะขาดความสมดุลของฮอร์โมนเพศ
การขาดความสมดุลของฮอร์โมนเพศ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุเพศหญิง ซึ่งจะพบว่ามีโอกาสเกิดอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่มากกว่าเพศชาย
- โรคที่เป็นอยู่เดิม
เช่น โรคต่อมลูกหมากโต ทำให้เลือดไปเลี้ยงกระเพาะปัสสาวะไม่เพียงพอ จนเกิดภาวะขาดเลือดและนำไปสู่ความผิดปกติของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ ทำให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกินได้ หรือโรคเบาหวาน และโรคกระเพาะปัสสาวะ
- ความบกพร่องของสารสื่อประสาท
มีข้อมูลซึ่งพบว่า ผู้ป่วยโรคจิตเวช อาทิ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล สมาธิสั้น สมองเสื่อม จะมีอัตราการเกิดภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกินได้ โดยทางการแพทย์เชื่อว่า น่าจะเป็นผลจากความบกพร่องในการทำงานของสารสื่อประสาท
- พฤติกรรมเสี่ยง
พฤติกรรมของเราเองก็มีส่วนกระตุ้นอาการปัสสาวะเล็ดด้วยนะคะ โดยเฉพาะคนที่ดื่มน้ำน้อย ชอบกลั้นปัสสาวะบ่อย ๆ หรือกลั้นปัสสาวะนาน ๆ อาจทำให้ระบบการทำงานของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะแปรปรวน บีบตัวผิดปกติได้อักเสบ ที่จะมีอาการปัสสาวะบ่อย ๆ ก็เป็นอกีสาเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะบีบตัวผิดปกติได้
ปัสสาวะเล็ด อาการเป็นอย่างไร
ถ้ายังไม่มั่นใจว่าเราเข้าข่ายกลั้นปัสสาวะไม่อยู่หรือเปล่า มาลองสำรวจตัวเองจากอาการหลัก ๆ ของภาวะปัสสาวะเล็ดกันค่ะ
- มีปัสสาวะเล็ดเมื่อไอหรือจาม โดยเกิดขึ้นมากกว่า 7 ครั้งต่อวัน
- รู้สึกปวดปัสสาวะอย่างเฉียบพลัน และมีปัสสาวะเล็ดออกมาก่อนถึงห้องน้ำเป็นประจำ
- ตื่นมาปัสสาวะตอนกลางคืนบ่อย ๆ (มากกว่าหรือเท่ากับ 1 ครั้ง)
- พบปัสสาวะหยดเปื้อนกางเกงชั้นใน หลังปัสสาวะเสร็จเรียบร้อยแล้ว
แนวทางการรักษาภาวะปัสสาวะเล็ดมีอยู่หลายทางเลือกด้วยกัน ดังต่อไปนี้
- เปลี่ยนพฤติกรรม
พยายามอย่ากลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน หรือกลั้นปัสสาวะบ่อย ๆ อีกทั้งควรงดเครื่องดื่มที่กระตุ้นให้มีอาการปวดปัสสาวะ โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ ทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย ๆ ได้
นอกจากนี้ก็ควรฝึกดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย (ประมาณ 1.5-2 ลิตร) เพื่อช่วยให้ร่างกายขับถ่ายปัสสาวะเป็นปกติ (4-6 ครั้งต่อวัน) ซึ่งวิธีนี้อาจได้ผลดีกับผู้ที่เริ่มมีปัสสาวะเล็ดในระยะแรก ๆ - ฝึกกลั้นปัสสาวะ
อีกหนึ่งวิธีพฤติกรรมบำบัดที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง คือการฝึกกลั้นปัสสาวะ โดยการขมิบหูรูด ลักษณะเหมือนตอนที่กลั้นปัสสาวะ ทำอย่างน้อยวันละ 100 ครั้ง แล้วเพิ่มจำนวนครั้งขึ้นเรื่อย ๆ วิธีการนี้ต้องมีความอดทน เพราะต้องใช้เวลานับเดือนกว่าจะเห็นผลและควรทำต่อเนื่องเพื่อลดการเกิดซ้ำ - รักษาด้วยยา
- การผ่าตัด
ในกรณีที่อาการปัสสาวะเล็ดเป็นมาก รักษาด้วยยาหรือท่าบริหารอุ้งเชิงกรานไม่ค่อยได้ผล ทางการแพทย์อาจใช้วิธีผ่าตัดใส่สายเทปคล้องใต้ท่อปัสสาวะส่วนกลางอย่างถาวร
หากใครมีอาการปัสสาวะเล็ดจนเป็นปัญหาในชีวิต แนะนำให้เข้าไปปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีการรักษาอย่างเหมาะสมและได้ผลดีที่สุด ซึ่งในระหว่างที่ทำการรักษา ผู้ป่วยสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนด้วยการสวมแผ่นซึมซับปัสสาวะเล็ด หรือผ้าอ้อมผู้ใหญ่ได้นะคะ ซึ่งปัจจุบันมีทางเลือกที่มากมายหลายชนิด มีทั้งแบบเอวต่ำ และบางสบาย เพื่อให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบายเหมือนไม่ได้ใส่ ซึ่งวันนี้เราได้มีการเตรียมตัวอย่างมาแจกคุณลุง คุณป้าหลังการสัมมนาด้วยนะครับ เพียงแค่กรอกแบบสอบถามนะครับ